เทศน์เช้า

เทศน์ค่ำ

๑๙ พ.ค. ๒๕๕๑

 

เทศน์ค่ำ วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ฟังธรรมนะ มาวัดนี่เครื่องต้อนรับของวัด เวลาเราไปบ้านไปเรือนเขามีเครื่องต้อนรับกัน ถ้ามาวัดนะ มาวัดมาวา เห็นไหม ธรรมะเป็นเครื่องต้อนรับ

วันนี้เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา คนเกิดมาต้องมีชาติ มีชนชาติ เชื้อชาติ เราก็เป็นชนชาติ เห็นไหม ชนชาติไทย มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ถ้าศาสนาประจำชาติ มันก็เป็นประเพณีวัฒนธรรม แต่ถ้าศาสนาประจำใจ เรามีศาสนาในหัวใจ ถ้ามีศาสนาในหัวใจ วัฒนธรรมประเพณีเขาทำอย่างไรกัน?

ในเมื่อเป็นชนชาติเราจะมีหลักมีเกณฑ์ เห็นไหม เครื่องแสดงออก ศีลธรรม วัฒนธรรม วัฒนธรรมการเคารพบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ เป็นศาสนาประจำใจของเรา ประจำชาติ ชาติเป็นสมบัติสาธารณะ แล้วไม่มีใครสนใจ แต่ถ้าศาสนาประจำใจของเรา เห็นไหม สุขทุกข์เป็นของเรา บุญกุศลเป็นของเรา

สิ่งที่บุญกุศลเป็นของเรา เรามีรากเหง้า คนมีรากเหง้านะ คนมีที่มาที่ไป คนจะมีจุดยืนนะ คนไม่มีรากมีเหง้า คนหลักลอย สิ่งใดเกิดขึ้นมาก็ตื่นเต้นไปกับเขา โลกจะมีสิ่งใดมาเราก็ไม่มีจุดยืน เห็นไหม เราเป็นกระแส โดนโลกเขาหลอกลวงไปตลอดเวลา แต่ศาสนาพุทธสอนว่า

“ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่เรา รากเหง้าของเราคือจิตใจของเรา”

รากเหง้าในครอบครัว เห็นไหม เรามีครอบครัวมีตระกูลของเรา ตระกูลของเรามันมีความรักความผูกพันในครอบครัวของเรา แล้วตัวตนของเราล่ะ? นี่เวลาตัวตนของเรา สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ในหัวใจของเรามันหลักลอย เรามีความวิตกกังวลไหม? เรามีความลังเลสงสัยไหม? เราจะตื่นไปถือมงคลตื่นข่าวไหม?

นี่ดูสิเวลาพระโสดาบันไม่ถือมงคลตื่นข่าว พระโสดาบันเป็นผู้ที่มั่นคงในศาสนา ไม่เชื่อนอกศาสนานะ เชื่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เชื่อรัตนตรัย เชื่อสิ่งที่พึ่งได้จริง สิ่งที่พึ่งได้จริงคือสัจจะความจริงไง คนเราถ้ามันจะตื่นเต้นไปกับโลก เพราะอะไร? เพราะหลักมันลอย ใครพูดสิ่งใดก็เชื่อเขา แต่ถ้าเราเป็นชาวพุทธนะ เรามีหลักมีเกณฑ์ของเรา เขาพูดอะไรเรามีปัญญาไตร่ตรองไง เราจะมีปัญญากรองของเรานะว่าสิ่งนั้นถูกหรือผิด ถ้าสิ่งนั้นถูกหรือผิด เห็นไหม เราไม่เป็นเหยื่อของสังคม เพราะเรามีหลักมีเกณฑ์ของเรา

ถ้าหลักเกณฑ์ของเรา นี่ศาสนาพุทธสอนอย่างนี้ ศาสนามีบุญคุณมาก เพราะศาสนาเป็นตัวประสานให้สังคมร่มเย็นเป็นสุข แล้วถ้าสังคมร่มเย็นเป็นสุขเราก็เป็นสุขไปด้วย เห็นไหม เราจะมีหน้าที่การงาน เราจะมีความเป็นอยู่ในชีวิตของเราจะร่มเย็นเป็นสุข เรามีหลักมีเกณฑ์ของเรา ดูสิในทั่วโลกเขาเดือดร้อนกันไปหมด เขามีสงครามเล็กสงครามน้อย สงครามแย่งชิง สงครามล้างเผ่าพันธุ์ สงครามทำความสะอาดสังคม เขามีสงครามกันทั้งนั้นนะ แต่ของเรามันเป็นความคิด เป็นความรู้สึก เป็นการให้อภัย

สิ่งที่เป็นการให้อภัยกัน ให้อภัยเป็นอภัยทาน เห็นไหม นี่ว่าศาสนาพุทธศาสนาต้องทำบุญ ต้องควักเนื้อ ต้องเสียเงินเสียทอง ต้องอะไร แค่อภัยกันมันก็เป็นทานแล้ว เห็นเขาทำบุญกัน อนุโมทนาก็อนุโมทนาทานแล้ว แล้วเวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา สิ่งนี้นะ ทำบุญร้อยหนพันหน ไม่เท่ากับถือศีลบริสุทธิ์หนหนึ่ง ถือศีลร้อยหนพันหน ไม่เท่ากับทำความสงบของใจขึ้นมาได้หนหนึ่ง แล้วทำความสงบของใจนี่ทำได้จริงไหมล่ะ? มันทำไม่ได้จริงเพราะอะไร? เพราะเราหลักลอย

เราเชื่อศาสนา เราเชื่อว่าศาสนาเป็นสิ่งที่พึ่งพาอาศัย แต่เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นไปมันเป็นไสยศาสตร์หมดเลย มันไม่เป็นพุทธศาสตร์ มันเป็นไสยศาสตร์ เป็นการอ้อนวอน เป็นการร้องขอเอา เราไปร้องขอเอา อยากให้เป็นอย่างนั้น อยากให้เป็นอย่างนี้ แต่ค่าความจริงมันให้เป็นไปไม่ได้ ถ้าค่าความจริงให้เป็นไปได้ ข้อเท็จจริงที่เป็นไปได้ก็คือมีสติสัมปชัญญะ เราจะไม่เชื่อมงคลตื่นข่าว เพราะเรามีพระพุทธเจ้าเป็นศาสดา

ศาสดาเอกของโลก เห็นไหม เสียสละมาทุกๆ อย่าง การเสียสละได้มาสิ่งใด? ได้มาในโพธิญาณ เสียสละสถานะของกษัตริย์ เสียสละสถานะของครอบครัว นี่สามเณรราหุลเกิดแล้วนะ ความผูกพันของพ่อที่มีคุณสมบัติเป็นผู้ที่สร้างบุญญาธิการนะ เป็นผู้ที่หัวใจประเสริฐ มันเป็นผู้รับผิดชอบ รัก หวงแหน ผูกพันทั้งนั้นแหละ แล้วเสียสละออกไป นี่ทิ้งนางพิมพาไป เสียสละทั้งนั้น เพราะเสียสละสิ่งนั้นออกไป พอเสียสละออกไปแล้วหัวใจมันก็โล่ง เหมือนกับภาชนะที่ไม่มีอะไรบรรจุในหัวใจเลย ออกไปแสวงหาโมกขธรรม ถึงบรรลุธรรมขึ้นมานี่หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม

คุณธรรม ธรรมในหัวใจ เห็นไหม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ เราจะกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเรายังกราบธรรมอยู่ กราบเพราะอะไร? กราบเพราะสิ่งที่รื้อค้นมันละเอียดลึกซึ้ง มันทำให้หัวใจไม่หลักลอย หัวใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอิ่มเต็มก่อน แล้วเราเป็นชาวพุทธ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเจ้าของศาสนานะ

วันนี้วันเกิด นี่วันนี้วันวิสาขะ วันนี้วันเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ แล้วออกแสวงหาอยู่ ๖ ปี เกิดอีกทีหนึ่งเกิดเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่แล้วเผยแผ่ธรรมอยู่ ๔๕ ปี แล้วก็ปรินิพพานไปในวันนี้ แล้วเรานี่ ความกตัญญูกตเวทีในครอบครัวเรายังกตัญญูกตเวทีกับพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยายของเรา แล้วพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยายของเราที่พึ่งกันมาคือองค์ศาสดา เห็นไหม พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นแก้วสารพัดนึก แก้วสารพัดนึก นึกได้มากได้น้อยขนาดไหน? นึกได้ระดับการเสียสละ นึกได้ระดับทานก็ได้ระดับทาน ถ้าเราระลึกได้นะ เราระลึกได้ในระดับของภาวนา การกระทำ บุญกุศลทุกอย่างมันเป็นทำนบใหญ่ ทำนบใหญ่คือปิดกั้นน้ำนั้นไว้

นี่ก็เหมือนกัน เราทำบุญกุศลเท่าไหร่มันก็ปิดกั้นทำนบไว้ในหัวใจ บุญกุศลของใจแต่ละดวงมีมากหรือมีน้อย สิ่งที่มีมากมีน้อย เวลาประพฤติปฏิบัติมันก็ออกมาเป็นข้อเท็จจริง นี่ถ้ามีสติง่าย คนเรามีสติดี คนเรามีปัญญาดี คนเรามีเชาว์ปัญญาดี คนเราจะไม่โลภจริต คือว่าไม่เชื่อคนง่าย การเชื่อคนง่ายนะ เราหามามากขนาดไหน มีคนมาหลอกลวงเรานะเสียหายหมดเลย แต่ถ้าเราไม่เชื่อคนง่ายนะ เวลาคนมีข้อต่อรองกับเราสิ่งใด เราก็ใช้ปัญญาเราใคร่ครวญว่ามันสมควรหรือไม่สมควร

สิ่งนี้มันมาจากไหน? ทำนบใหญ่ที่กั้นไว้ในใจไง หัวใจมันกั้นทำนบสิ่งนี้ไว้ สิ่งนี้ไว้เพื่ออะไร? ก็เพื่อเรา เพื่อคุณงามความดี เห็นไหม สิ่งนี้มันเกิดขึ้นมา ถ้าใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่ธรรมเต็มหัวใจ แล้วธรรมเต็มหัวใจ นี่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นี้เราเป็นชาวพุทธ ถ้าเป็นชาวพุทธเราไม่หลักลอยนะ วันสำคัญเราก็ต้องสำคัญด้วย

วันนี้วันสำคัญทางพุทธศาสนา ถ้าวันสำคัญทางพุทธศาสนา เราเชื่อนี่ เราเชื่อมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราก็ต้องมีหลักมีเกณฑ์ของเรา เราถึงแสดงออกด้วยการเคารพบูชา เห็นไหม การแสดงออกของชาวพุทธไง เวียนเทียนนี่เวียนเทียน ๓ รอบ รอบแรกนึกถึงพระพุทธ รอบ ๒ นึกถึงพระธรรม รอบ ๓ นึกถึงพระสงฆ์ เพราะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทำให้สังคมร่มเย็นเป็นสุข ทำให้เราไม่หลักลอย นี่เพราะอะไร? เพราะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถึงที่สุดแล้วผู้ที่ประพฤติปฏิบัติหัวใจอิ่มเต็ม มันจะเข้าใจของมันโดยสัจจะความจริง

แต่ของเรานี่เราไม่เข้าใจ เพราะอะไร? เพราะแรงขับ แรงขับของความรู้สึกมันเอาแต่จะอาศัยคนอื่น อาศัยคนนอก อาศัยสังคม อาศัยสิ่งที่อาศัย นี่คิดว่าอาศัยๆ มันอาศัยกันไม่ได้หรอก มันเป็นสังคมไง มันเป็นกรรมร่วมกันมาไง เราเกิดในสายบุญสายกรรม ทำไมเราเกิดมาเป็นสายบุญสายกรรม? เราเกิดเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นลูกกันมา มันมีสายบุญสายกรรมนะ ถ้ามันมีสายบุญสายกรรมขึ้นมา เราต้องปรารถนาให้ลูกเราเป็นอย่างที่เราปรารถนาหมดเลย

แต่เวลาเกิดขึ้นมานี่เกิดตามกรรมไง เพราะลูกเราหลายๆ คน เห็นไหม สถานะของลูกเราก็ไม่เหมือนกัน รูปร่างกลางตัวก็ไม่เหมือนกัน จริตนิสัยก็ไม่เหมือนกัน แต่มีกรรมร่วมกันมาถึงมาเกิดร่วมกัน ในเมื่อเป็นสายบุญสายกรรม เราก็ดูแลรักษากันเป็นสายบุญสายกรรม ดูแลรักษากันเป็นสายบุญสายกรรมมันก็เจ็บปวดแสบร้อน เพราะอะไร? เพราะมันไม่ได้ดั่งกิเลส ตัณหาความทะยานอยากมันเรียกร้องอยู่ตลอดเวลา แต่ธรรมะเข้าไปเจือจานตรงนี้ไง

การศึกษาเล่าเรียนเป็นอาหารสมอง การประพฤติปฏิบัติเป็นอาหารใจ การศึกษา การค้นคว้า การหาสัมมาอาชีวะเป็นอาหารกาย อาหารกาย อาหารใจ ถ้าอาหารใจนี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ใช่ปฏิเสธเรื่องการทำมาหากินนะ ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องของโลกนะ เพราะทุกคนเกิดมาในโลกนะ เกิดมาในโลกเกิดจากพ่อแม่ไง เกิดจากพ่อจากแม่ เกิดจากสังคมทั้งนั้นแหละ แล้วเกิดมาในสังคมที่ดี สังคมที่ร่มเย็นเป็นสุขนี่มันก็มีบุญแล้ว

มีบุญมากนะ มีบุญมากเพราะอะไร? เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่กฎหมายบังคับ นี่รังแกกันไม่ได้ จะมีโทษหมด ดูสัตว์นะ สัตว์มันเกิดขึ้นมามันอยู่ที่กำลังใครมาก ใครแข็งแรงกว่า คนที่แข็งแรงกว่ารังแกคนที่อ่อนแอกว่า สัตว์อ่อนแอกว่า แต่ถ้าสัตว์ที่มีคุณธรรมมันจะปกป้อง มันจะดูแลของมัน เห็นไหม นี้เราเกิดในสังคมพุทธศาสนา พุทธศาสนาสอนอย่างนี้ไง ผู้ที่ปกครองให้มีทศพิธราชธรรม ปกครองแผ่นดินโดยธรรม

โดยธรรมไงพ่อกับลูก เห็นไหม ผู้ที่ดูแลรักษาเรา เรามีคนดูแลรักษานะ มีกฎหมายรองรับนะ นี่มันเกิดมาในสังคมโลก เกิดมาในประเทศอันสมควร นี่สิ่งนี้มันประเสริฐแล้ว แต่เรามองข้ามตรงนี้ไป เรามองข้ามต้นทุนของเราหมดเลย ต้นทุนของเราคือชาวพุทธ ต้นทุนของเราคือพุทธศาสนา ต้นทุนของเรามีอยู่แล้ว เรามองข้ามต้นทุนไป ไปมองสิ่งที่เป็นเครื่องอาศัย ไปมองสิ่งที่เป็นเรื่องสมบัติสาธารณะเป็นความจริง

นี่ศาสนาถึงย้อนกลับมาที่นี่ ถ้าทุกคนย้อนกลับมาที่ใจของตัว ย้อนกลับมาหาจุดยืนของตัว เจอรากเหง้าของตัวมันจะเป็นประโยชน์นะ นี่เป็นประโยชน์กับเรา ถ้าเป็นประโยชน์กับเรานะ เราเป็นคนดี เราจะมีจุดยืน สังคมจะดีไปหมดเลย ถ้าสังคมดีนี่มันดีมาจากไหนล่ะ? มันก็ดีจากการสมานของพุทธศาสนา พระพุทธศาสนานะ แล้วคุณของพุทธศาสนา เราแสดงออกอย่างนี้ในการเวียนเทียนของเรา ในการเคารพบูชาสิ่งนี้มันแสดงออกมาจากใจ ถ้าสิ่งที่แสดงออกจากใจมันชุ่มชื่นนะ

วิหารธรรม ผู้ที่มีธรรมเต็มหัวใจ ทำไมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังภาวนาอยู่ทุกวัน? เดินจงกรม นั่งสมาธิอยู่ทุกวัน วิหารธรรมไง วิหารธรรมเป็นเครื่องอยู่ของใจ ดูสิเวลาเราทุกข์เราร้อน เวลาเราเดือดร้อน ความคิดมันมาจากไหน? มันคลายพิษให้หัวใจนะ เวลาเราสุข เราพอใจ เรามีความอิ่มเอิบใจ มันอยู่กับเราชั่วคราว เห็นไหม นี่มันเป็นอนิจจัง แต่ถ้าเป็นวิหารธรรม ใจมันแยกของมัน ความคิดเป็นความคิด ใจเป็นธรรม สรรพสิ่งต่างๆ มันแยกออกอยู่ธรรมชาติของมันต่างอันต่างจริง

ต่างอันต่างจริง ความคิดก็มีจริงๆ แต่ไม่เอาความคิดก็เพราะสติมันทัน ปัญญามันทัน ความคิดก็คือความคิด ถ้าคิดไม่ดีก็ยับยั้งมันไว้ ถ้าคิดดีเราก็ส่งเสริม ส่งเสริมเป็นหน้าที่การงาน เป็นความคิดที่เป็นความสุข เห็นไหม แต่ถ้ามันถึงเวลาแล้วเราแยกออกเป็นวิหารธรรม ต่างอันต่างอยู่ ต่างอันต่างจริง มันเป็นสมบัติของใจนะ สมบัติของใจมันย้อนเข้ามาถึงภายใน มันจะเห็นคุณค่าไง

คุณค่านี่ เราแสวงหาขนาดไหนจากภายนอกมันเป็นสังคมนะ ศีลธรรม จริยธรรม เรื่องของสังคมเป็นไปได้ ถ้าสังคมร่มเย็นเป็นสุขเราก็ร่มเย็นเป็นสุขไปด้วย แต่ถ้าหัวใจเราอิ่มเต็มในธรรม มันยิ่งร่มเย็นเป็นสุขไปมากกว่านั้นอีก มันมากกว่านั้นนะ เพราะมันอยู่ภายในหัวใจของเรา สมบัติในใจของเรา ดูสิดูเวลาเราอยู่ในครอบครัวของเรา เห็นไหม สมบัติที่เป็นส่วนตัวของเรา ในครอบครัวของเรา ในบัญชีของเรา ในสมบัติของเรา มีเท่าไหร่ก็เป็นของเราใช่ไหม? สมบัติที่เป็นสาธารณะ อย่างถนนหนทางที่เขาใช้เป็นสาธารณะประโยชน์ นี่มันเป็นของใคร? มันเป็นของส่วนรวมใช่ไหม?

นี่ก็เหมือนกัน สังคมธรรมที่เราแสดงออกนี่เป็นของส่วนรวม แต่ถ้าหัวใจเราเป็นของเราล่ะ? ความเป็นไปของเราล่ะ? นี่มันจะเห็นคุณประโยชน์ของเรา ถ้าคุณประโยชน์ของเรามันถึงเต็มใจทำไง เต็มใจตั้งสติ เต็มใจยับยั้งตัวเอง เต็มใจทั้งหมด ทำด้วยความเต็มใจ การทำด้วยความเต็มใจมันเป็นสัมมาทิฏฐิ แต่ทำด้วยความไม่เต็มใจเป็นชาวพุทธแต่เปลือก เป็นชาวพุทธแต่ว่ากิริยาเฉยๆ เห็นเขาทำก็ทำกันไป เห็นไหม มันสักแต่ว่า

การทำสักแต่ว่ามันไม่เต็มไม้เต็มมือ การทำสักแต่ว่ามันเข้าไม่ถึงใจ มันทำด้วยความคิด มันไม่ได้ทำถึงหัวใจ ดูสิยิ้มสยามยิ้มออกมาจากใจ มันมีความรู้สึกผสมออกมานะ มันยิ้มออกมาจากหัวใจใช่ไหม? นี่ถ้ามีสติสัมปชัญญะเรายับยั้งของเรา มันเป็นประโยชน์กับเราทั้งนั้นแหละ สิ่งที่เป็นประโยชน์เพราะเราทำจริง ความจริงเข้ากับความจริงนะ ดูสิสมบัติโดยสมมุติ เงินนี่สมมุติขึ้นมาให้เป็นแบงก์ เป็นเงิน มีค่ากันก็สมมุติขึ้นมา

นี่สมมุติบัญญัติ เห็นไหม แล้วมันเป็นวิมุตติความจริงในหัวใจ ความจริงกับความจริงเข้ากัน ความสุขเกิดจากความจริง ดูสิความจริงมันมีค่า เขาว่านี่เงินซื้อได้ทุกอย่าง มีคนเขาคิดนะ เงินจ้างผีโม่แป้งได้ เงินซื้อทุกอย่าง แต่เงินซื้อหัวใจที่แข็งแกร่งไม่ได้นะ เงินซื้อหัวใจไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ซื้อได้นี่ยอมรับ ยอมรับเพราะมันไม่มีรากเหง้า มันเป็นตามแต่ความสะดวกสบาย เป็นแต่ตามโลก

โลกเขาสื่อสารกันว่าสิ่งนั้นเป็นประโยชน์ๆ ก็เชื่อเขาไป เชื่อเขาไปเพราะไม่มีราก ถ้าคนมีราก ศักดิ์ศรีของมนุษย์ มนุษย์มีศักดิ์ศรี ความมีศักดิ์ศรีของมนุษย์ นี่ความสุขมันหากันอย่างนั้นหรือ? ความสุขจากภายในของเรามันมี เห็นไหม จะบอกว่าชาวพุทธมีหลักเกณฑ์ ถ้าชาวพุทธมีหลักมีเกณฑ์นะใครจะหลอกไม่ได้ สิ่งที่เป็นอยู่นี่เป็นอยู่ตามหลักของโลก

นี่ชาวพุทธ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพาทำมาก่อน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสละมาก่อน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสละนะ มีครบทุกอย่าง ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มีนางพิมพา ไม่มีบุตร ก็จะบอกว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสียใจมา หนีมาบวช ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้เป็นกษัตริย์ก็จะบอกว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มีสถานะถึงมาบวช

สิ่งที่โลกปรารถนา สิ่งที่โลกแสวงหา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีครบบริบูรณ์ แล้วเสียสละมัน เสียสละออกมาเอาสิ่งที่เป็นคุณธรรมในหัวใจ นี่มันถึงเป็นตัวอย่าง เห็นไหม เป็นตัวอย่างทางโลกก็เป็นตัวอย่างทางโลก ตรัสรู้ธรรมขึ้นมาแล้วเป็นศาสดาของเรา เป็นสิ่งที่ฆ่ากิเลสได้ก็เป็นตัวอย่างของเรา นี่เรามีศาสดา เรามีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดาเอก มีคุณประโยชน์มาก เราถึงต้องเคารพบูชา

สิ่งที่ได้มาไม่ได้ได้มาง่ายๆ นะ ได้มาเอาชีวิตเข้าแลกมาทั้งนั้นแหละ ครูบาอาจารย์ที่ประพฤติปฏิบัติเอาชีวิตแลกมา แลกมาเพื่อเราไง เพื่อเอามาเจือจาน เห็นไหม เอาสิ่งที่ออกมาจากใจ เจือจานใจที่สกปรกของเรา ใจที่ไม่เข้าใจของเรา ใจถือตัวถือตนว่ารู้ ว่าฉลาด แต่ความรู้ความฉลาดอมทุกข์ทั้งนั้นเลย ความรู้ความฉลาดเอาทุกข์มาเหยียบหัวใจทั้งนั้นเลย แต่ความสุขที่แท้จริงนี่หาได้ในหัวใจของเราที่มันทุกข์ๆ นี่แหละ ถ้ามันปล่อยวางขึ้นมาจะเป็นความสุขนะ เราถึงต้องแสดงออกของชาวพุทธ

วันนี้วันสำคัญ ในพระพุทธศาสนาเป็นวันวิสาขบูชา เราจะมาเคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยการเวียนเทียน เวียนเทียนระลึกถึง เวียนเทียนนะตั้งใจทำ ใครทำมาก ใครทำด้วยความเจตนาบริสุทธิ์ ใครทำด้วยบุญกุศล มันจะฝังใจเราไปนะ โอกาสเราจะมีตลอดไปอย่างนี้ไหม? ถ้าโอกาสของเรา เราคิดว่าเราจะอยู่ค้ำฟ้า จะมีโอกาสทำต่อไปเรื่อยๆ มันจะจริงอย่างที่เราคิดไหม?

นี่ถึงต้องตั้งใจให้ดี เมื่อโอกาสมาถึงแล้วเราต้องรีบทำ รีบทำประโยชน์ของเรา ประโยชน์กับหัวใจของเรา จะเป็นประโยชน์ของเรา เอวัง